สจ.จักษ์’พปชร.ลุยตลาดจังโหลด เร่งคะแนนนิยม-ไม่กังวลซื้อเสียง

สจ.จักษ์’พปชร.ลุยตลาดจังโหลด เร่งคะแนนนิยม-ไม่กังวลซื้อเสียง

การหาเสียงคึกคัก ระยะเวลาที่กระชั้นชิดทำให้ผู้สมัครต้องเร่งพบปะประชาชนให้ได้มากที่สุด โดยได้ปรับกลยุทธพบปะประชาชนเป็นกลุ่มเน้นลงตลาดและเดินเคาะประตูบ้าน
วันที่ 18 เมษายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการหาเสียงเลือกตั้งสส.เขต 5 สงขลา ซึ่งครอบคลุมพื้นที่อำเภอรัตภูมิ อ.ควรเนียงและ อ.สิงหนคร(ตำบล ปากรอ-ป่าขาด-ทำนบ-ชิงโค-หัวเขา-สทิ้งหม้อ) เป็นไปอย่างคึกคัก โดยมีผู้สมัครจำนวน 12 คน ซึ่งมีพรรคการเมืองใหญ่ อย่างพรรคประชาธิปัตย์ พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคภูมิใจไทย และ พรรคเพื่อไทย ต่างก็ส่งผู้สมัครลงชิงเก้าอี้ สส.ในพื้นที่นี้

โดยวันนี้ นายญาณพง เพชรบูรณ์ หรือ สจ.จักษ์ ผู้สมัคร สส.เขต 5 สงขลา หมายเลข 6 พรรคพลังประชารัฐ ใช้เวลาในช่วงบ่ายลงพื้นที่พบปะกับพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่มาเดินจับจ่ายชื้อของในตลาดนัดเกาะห้า วัดจังโหลน ต.คูหาใต้ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา โดยการเดินแจกบัตรและแผ่นพับแนะนำตัวและนำเสนอนโยบายของพรรค เพื่อขอคะแนนเสียง เช่น นโยบายบัตรประชารัฐ 700 บาทต่อเดือน นโยบาย ดูแลแม่ บุตรธิดาประชารัฐ ดูแลแม่ตั้งแต่เดือนที่ 5 -9 สนับสนุนเดือนละ 10,000 บาท และดูแลเด็กตั้งแต่คลอดจนอายุ 6 ขวบ เดือนละ 3,000 บาท และนโยบายดูแลผู้สูงอายุตามช่วงวัย โดยกำหนดอายุ 60 ปี รับ 3,000 บาท 70 ปีรับ 4,000 บาท และอายุ 80 ปีรับ5,000 บาท ต่อเดือน ที่พรรคพลังประชารัฐทำมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงนโยบายระดับพื้นทีทั้งเรื่องการส่งเสริมการศึกษา คุณภาพชีวิต และการพัฒนาให้สอดคล้องตามข้อเสนอแนะของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้ได้รับความสนใจจากพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนเป็นอย่างมาก
นายญาณพง กล่าวว่า จากการลงพื้นที่หาเสียงมาต่อเนื่องพบว่าประชาชนให้การตอบรับอย่างดี โดยเฉพาะการตอบรับต่อนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ที่ทำม่อย่สงต่อเนื่อง ถือเป็นทิศทางที่ดี และมั่นใจว่า คราวนี้ชาวเขต 5 ต้องการเปลี่ยนตัวส.ส.เพื่อต้องการให้เกิดการพัฒนา ทั้ง เรื่องการศึกษา คุณภาพชีวิต และโครงสร้างพื้นฐานที่ยังขาดแคลน และให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ โดยในช่วงเวลาอีกประมาณ 30 วันที่เหลืออยู่ก็จะได้เร่งปรับแผนเพื่อให้พบประชาชนให้ได้มากที่สุด โดยเน้นการพบปะประชาชนเป็นกลุ่ม พร้อมการปราศรัยย่อย ปราศรัยด้วยรถเคลื่อนที่ไปหาประชาชน
ส่วนกระแสการซื้อเสียงในพื้นที่ “สำหรับเรื่องนี้ตนไม่มีความกังวล เนื่องจากมั่นใจว่าเลือกตั้งครั้งนี้ชาวบ้านมีความรู้ และมีความคิดที่จะเปรียบเทียบว่าอะไรดีหรือไม่ดีมากขึ้น ดังนั้นถึงแม้จะเป็นรอง แต่เมื่อเดินพบประชาชนมากขึ้นเรื่อยๆทำให้รู้สึกมั่นใจขึ้นทุกวัน” นายญาณพง กล่าว