วอน”บิ๊กตู่”ฟื้นหอยสังข์

วอน”บิ๊กตู่”ฟื้นหอยสังข์

ตัวแทนเครือข่ายพลเมืองสงขลา เข้ายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี และ ตัวแทน สส.สงขลา เร่งรัดผลักดัน โครงการอะควอเรียมหอยสังข์ อ้อนขอของขวัญจากบิ๊กตู่ ในช่วงเดินทางปฏิบัติภารกิจที่จังหวัดสงขลาปลายเดือนนี้

วันที่ 8 สิงหาคม 2565 ที่ศาลากลางจังหวัดสงขลา นายปรีชา สุขเกษม ผู้ประสานงานเครือข่ายพลเมืองสงขลา พร้อมเครือข่าย เดินทางเข้าพบ นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เพื่อยื่นหนังสือถึงพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ขอให้ นายกรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติงบกลางเพื่อก่อสร้างโครงการก่อสร้างศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา หรือ อะควอเรียมหอยสังข์ให้เปิดใช้งานได้ พร้อมกันนี้ยังได้ยื่นหนังสือเร่งรัดติดตามโครงการฯให้กับตัวแทน สส.ทั้ง 8 เขตของจังหวัดสงขลา ซึ่งในวันนี้ มีตัวแทนของนายวันชัย ปริญญาศิริ สส.เขต 1 สงขลาพรรคพลังประชารัฐและตัวแทนของพล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ สส.เขต 8 สงขลาพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางเข้ารับหนังสือ

นายปรีชา สุขเกษม ผู้ประสานงานเครือข่ายพลเมืองสงขลา บอกว่า ในปลายเดือนนี้ นายกรัฐมนตรีมีกำหนดเดินทางมาปฏิบัติภารกิจในจังหวัดสงขลา ชาวสงขลาจึงขอถือโอกาสนี้ ขอของขวัญจากนายกรัฐมนตรี ในการเร่งรัดผลักดันการก่อสร้างอะควอเรี่ยมหอยสังข์ให้แล้วเสร็จภายในเวลา 2 ปี โดยหลังจากยื่นหนังสือในวันนี้แล้ว ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ประสานขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เดินทางมาชี้แจงถึงปัญหาความล่าช้าของโครงการในอีก 10 วันข้างหน้า หรือ วันที่ 17 สิงหาคม

สำหรับข้อเรียกร้องของเครือข่ายพลเมืองสงขลาต่อโครงการนี้ คือ ขอให้อนุมัติงบประมาณก่อสร้างให้เปิดดำเนินการได้ หากไม่สามารถดำเนินการได้ให้เปลี่ยนวัตถุประสงค์โครงการเพื่อให้ใช้ประโยชน์จากโครงการ รวมถึงเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเนื่องจากละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ให้ความสำคัญกับโครงการที่ใช้งบประมาณมหาศาลแต่กลับไม่สามารถใช้งานได้

ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาได้มอบหมายให้ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสงขลาเร่งรัดประสานให้หน่วยงานเกี่ยวข้องทันที

สำหรับโครงการอะควอเรี่ยมหอยสังข์ฯ ตั้งอยู่ในพื้นที่วิทยาลัยประมงติณสูลานนท์ ต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลา ซึ่งดำเนินการมาตั้งแต่ ปี 2551 เดิมมีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2554 ในวงเงินประมาณ 800 ล้านบาท แต่จนถึงขณะนี้ การดำเนินการโครงการกลับยังไม่แล้วเสร็จ ทั้งยังมีการใช้งบประมาณไปแล้วไม่น้อยกว่า 1,400 ล้านบาท กลายเป็นประติมากรรมแห่งการทุจริตที่ทำให้ชาวสงขลากังวลใจและพูดถึงในวงกว้าง