09/06/2025

ข่าวเด็ด77

รวมข่าวดีรวมข่าวเด็ด จาก77 จังหวัดทั่วไทย

เชียงรายรำลึก : ปฐมบทของการแก้จน- ลดเหลื่อมล้ำ

เชียงรายรำลึก : ปฐมบทของการแก้จน- ลดเหลื่อมล้ำ

ในปี 2562 เมื่อคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา ได้จัดตั้งขึ้นงานแรกของเราที่ลงไปสัมผัสความเป็นจริงเรื่องความยากจนของพี่น้องเกษตรกรก็คือที่จังหวัดเชียงรายนี่เอง

ผมยังจำได้ดีว่าเราลงไปพบกับกลุ่มเกษตรกรจำนวนกว่า 100 คนที่อยู่ในพื้นที่ชลประทานที่สามารถปลูกข้าวได้ปีละสองครั้ง พวกเขาพอใจกับการมีน้ำที่ใช้ในการปลูกข้าว ตามสมควร แต่ปัญหาใหญ่ของพวกเขาก็คือเกษตรกรทุกคนล้วนแต่มีหนี้สินทั้งสิ้น เพราะเหตุว่าต้นทุนของ ราคาปัจจัยการผลิตที่มาจากราคาน้ำมัน ปุ๋ยและยาฆ่าแมลง เพิ่มขึ้นเร็วกว่าราคาข้าวที่พวกเขาขายได้ เพราะฉะนั้นพวกเขาซึ่งมีน้ำใช้ในการผลิตอย่างเพียงพอ แต่กลับมีหนี้สินที่หาทางออกไม่ได้

ในวันเดียวกันนั้น คณะกรรมาธิการได้ลงในอีกพื้นที่หนึ่งที่ จังหวัดเชียงรายเช่นเดียวกัน เกษตรกร กลุ่มนี้อาศัยอยู่ในพื้นที่สูงของอำเภอปัว พวกเขาคือเกษตรกรที่เคยยากจนมาก่อน แต่ด้วยการสนับสนุนของสถาบันอุทกพัฒน์ที่นำเอาความรู้ใหม่ (new knowledge) มาเผยแพร่ให้แก่พวกเขา ด้วยการเริ่มต้นให้ปลูกไม้ยืนต้นเป็นขั้นตอนแรก ไม้ยืนต้นนั้นสามารถอุ้มน้ำในดินได้เป็นอย่างดี เมื่อต้นไม้โตเพียงพอแล้ว ขั้นตอนถัดมาคือการส่งเสริมให้พวกเขาปลูกกาแฟและโกโก้ ซึ่งเป็นไม้ระดับที่สอง ด้วยความรู้ใหม่อันนี้เองทำให้เกษตรกรกลุ่มนี้ที่เริ่มต้นจากความยากจนกลับกลายเป็นเกษตรกรที่กินดีอยู่ดี ในเวลาต่อมา และไม่มีใครมีหนี้สินเลย

การลงพื้นที่ในวันนั้นทำให้เราได้ข้อสรุปร่วมกันว่า หากจะทำให้ชีวิตเกษตรกรดีขึ้นแล้ว ปัจจัยสำคัญแรกสุดที่จะต้องทำคือการหาน้ำให้แก่เกษตรกรได้ใช้ตลอดทั้งปี เพื่อเป็นการส่งเสริมให้พวกเขามีงานทำในภาคการเกษตรได้ตลอด 365 วันในหนึ่งปี แต่การมีน้ำให้แก่เกษตรกรอย่างเพียงพอตลอดทั้งปีนั้น ยังไม่ใช่เงื่อนไขที่เพียงพอที่จะทำให้เกษตรกรหลุดพ้นจากความยากจนได้ ที่สำคัญก็คือพวกเขาจำเป็นจะต้องเปลี่ยนแบบแผนการทำเกษตรเสียใหม่ ที่เป็นการทำเกษตรอินทรีย์ แบบผสมผสาน และเป็นการทำการเกษตรที่ พืชผลสอดคล้องกับความต้องการของตลาดในท้องถิ่น เพื่อที่จะสร้างรายได้ ให้แก่ครอบครัวเกษตรกร ได้อย่างสม่ำเสมอตลอดทั้งปี กล่าวโดยสรุปก็คือหากเกษตรกรยังคงทำการเกษตรแบบพืชเชิงเดี่ยว ดั้งเดิมตลอดทั้งปี พวกเขาก็จะไม่สามารถหลุดพ้นจากหนี้สินและความยากจนได้

เพราะฉะนั้นการเดินทางไปที่จังหวัดเชียงรายของคุณสุภัทรดิศ ราชธา
จึงเป็น การแบกรับภารกิจสำคัญที่ได้รับมอบหมายจากประธานคณะกรรมาธิการแก้จนลดเหลื่อมล้ำ สองประการด้วยกันคือ

ประการแรก เพื่อหาทางทำให้ กลุ่มเกษตรกร ที่จะพบปะกันมีน้ำใช้เพื่อการผลิต การบริโภคและอุปโภคได้ตลอดทั้งปี

ประการที่สอง เพื่อมากำหนดจุด ยุทธศาสตร์ในการกักเก็บน้ำเพื่อการแก้ปัญหาน้ำท่วมและน้ำแล้งจากเชียงรายถึงกรุงเทพมหานคร

เพราะว่าเชียงรายเป็นแหล่งต้นน้ำสำคัญของลำน้ำยม ซึ่งจะไหลผ่านลงไปยังจังหวัดต่างๆ ในภาคเหนือตอนบน แล้วไหลลงสู่ภาคกลาง จนกระทั่งถึงกรุงเทพ แล้วไหลออกไปที่อ่าวไทย น้ำส่วนนี้นอกจากจะทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมในหน้าฝนแล้วสุดท้ายน้ำเหล่านี้ก็สูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์เพราะมันไหลออกสู่ทะเลไป

ดังนั้น หากเราไม่เริ่มต้นจากการกักเก็บน้ำที่จังหวัดเชียงรายและจังหวัดพะเยาให้ได้ในปริมาณที่มีนัยยะ อย่างสำคัญแล้ว ก็เป็นไปไม่ได้ที่ยุทธศาสตร์การป้องกันน้ำท่วมและน้ำแล้งตลอดภาคเหนือตอนบนจนกระทั่งถึงภาคกลางและกรุงเทพจะเกิดขึ้นได้จริง

ความฝันของพวกเราก็คือ ความปรารถนาที่จะเห็นการสร้างฝายแกนดินซิเมนต์ทั่วทั้งจังหวัดเชียงรายและพะเยาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อกักเก็บน้ำทั้งในแม่น้ำยมและอีกลำ น้ำหนึ่งที่จะไหลออกไปยังแม่น้ำโขงอีกด้วย

ในวันที่ 22 เมษายน 2565
นายสุภัทรดิศ ราชธา ได้เข้าร่วมประชุมที่ห้องประชุมเทศบาลบุญเรือง อ.เชียงของ โดยผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยเลขาของท่านพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงราย นายกเทศมนตรี นายกอบต. และเจ้าหน้าที่ จำนวน 7 แห่ง

วาระการประชุมประกอบด้วยเรื่อง แนวทางการพัฒนาเพื่อท้องถิ่นพึ่งพาตนเอง การสร้างฝายชะลอน้ำแกนดินซีเมนต์ การตระเตรียมการจัดทำโครงการ และงบประมาณเพื่อเข้าระบบไทยวอเตอร์แพลน

ในภาคบ่าย คณะได้ลงพื้นที่ดูจุดต่างๆ ที่จะใช้สร้างฝายชะลอน้ำแกนดินซีเมนต์ สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า เพื่อพัฒนาเป็นระบบสูบน้ำด้วยโซล่าร์เซลล์ และระบบจ่ายน้ำแบบท่อน้ำหยดต่อไป

การเดินทางของนายสุภัทรดิศ ราชธา และคณะ เป็นการตระเตรียมความพร้อมสำหรับคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำที่จะเดินทางมาหารือกับองค์การบริหาร ส่วนท้องถิ่นทั้ง7 แห่งในวันที่ 28 เมษายน ศกนี้

สำหรับท่านที่สนใจเรื่องการบริหารจัดการแหล่งน้ำขนาดเล็กก็ดี เรื่องฝายชะลอน้ำแกนดินซีเมนต์ก็ดี หรือหากท่านทราบว่ามีบุคคลและองค์กรใดที่สนใจที่จะทำเรื่องน้ำเพื่อแก้จน ไม่ว่าจะอยู่แห่งหนตำบลใดในประเทศนี้ก็ดี โปรดติดต่อที่

นายภัทรพล ณ หนองคาย
โทร. 087-8577999 หรือที่

นายสุภัทรดิศ ราชธา
โทร. 081-2600794

You may have missed