กรรมาธิการแก้จน-ลดเหลื่อมล้ำ ผนึกกำลัง ภาคประชาสังคมและอบต. หลายแห่งที่ลำปางเดินหน้าสร้างแหล่งน้ำขนาดเล็กแก้จนให้พี่น้องเกษตรกรในหน้าแล้ง

กรรมาธิการแก้จน-ลดเหลื่อมล้ำ ผนึกกำลัง ภาคประชาสังคมและอบต. หลายแห่งที่ลำปางเดินหน้าสร้างแหล่งน้ำขนาดเล็กแก้จนให้พี่น้องเกษตรกรในหน้าแล้ง

วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม 2565 นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ ประธานคณะกรรมมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา ได้มอบหมายให้นายสุภัทรดิศ ราชธา เป็นตัวแทน ของประธานคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ ลงพื้นที่ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง พบ อ.นงค์เยาว์ อุดมวงศ์ พร้อมกลุ่มเกษตรปลอดสาร และ ปลัด อบต. ตำบลบ้านกิ่ว อ.แม่ทะจ.ลำปาง เพื่อแนะนำการใช้พลังงานโซล่าเซลล์ ในการสูบน้ำบาดาล และระบบน้ำหยด และ การก่อสร้างฝายชะลอน้ำแกนดินซีเมนต์ รูปแบบต่างๆ เพื่อให้เกิดการขยายผลในการของบประมาณ และงบ CSR ต่อไป

ในวันรุ่งขึ้นเป็นวันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม 2565 นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ ประธานคณะกรรมมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา ยังได้มอบหมายให้นายสุภัทรดิศ ราชธา เป็นตัวแทน ของประธานคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ ลงพื้นที่ ต.เมืองมาย อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง พร้อม ว่าที่ พ.ต.ไพรัช พึ่งทรัพย์ พบ นายก อบต.เมืองมาย และ เจ้าหน้าที่เกษตรกร เพื่ออบรมการก่อสร้างฝายชะลอน้ำแกนดินซีเมนต์ รูปแบบต่างๆ เพื่อให้เกิดการขยายผลในการของบประมาณ ต่อไป

ในตอนบ่ายวันเดียวกัน ตัวแทนของประธานคณะกรรมาธิการแก้จน-ลดเหลื่อมล้ำยังได้ลงพื้นที่ดำเนินงานก่อสร้าง ฝายชะลอน้ำแกนดินซีเมนต์ ในลำน้ำแม่ต๋า โดยงบประมาณ การก่อสร้างมาจาก ภาคประชาสังคม หลายหน่วยงานร่วมกัน คาดว่าฝายตัวนี้จะใช้เวลาการก่อสร้าง ประมาณ 5 วัน

ผมพบว่าทุกภาคของประเทศไทยล้วนประสพปัญหาขาดแคลนน้ำเพื่อใช้ในการเกษตรของพี่น้องเกษตรกรเหมือนๆกัน ปัญหาไม่ใช่อยู่ที่ประเทศไทยขาดแคลนน้ำในหน้าแล้ง แต่อยู่ที่วิธีการหาน้ำให้แก่เกษตรกรเพื่อใช้ในการผลิตให้ได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี

ความคิดหลักที่ครอบงำรัฐบาลและหน่วยงานของภาครัฐที่รับผิดชอบเรื่องน้ำ ตั้งแต่อดีตจนกระทั่งถึงในขณะนี้พี่การใช้วิธีขนน้ำไปแจกจ่ายให้แก่เกษตรกรเพื่อใช้ในการอุปโภคและบริโภคเป็นหลัก

หลักคิดแบบนี้ไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ แต่เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ของปัญหา ซึ่งนโยบายข้างต้นเป็นการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีจำนวนมหาศาลของรัฐบาลในแต่ละปีอย่างไม่มีจุดจบ

คณะกรรมาธิการแก้จน-ลด เหลื่อมล้ำของวุฒิสภาได้พยามค้นหารูปแบบต่างๆที่จะช่วยให้เกษตรกรทั่วทั้งประเทศมีน้ำใช้ในหน้าแล้งได้ รวมทั้งยังทำให้เกษตรกรมีน้ำใช้ในการผลิต การบริโภคและอุปโภคตลอดปี ด้วยต้นทุนที่ต่ำ ใช้วัสดุส่วนใหญ่ในพื้นที่ มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูง ที่สำคัญที่สุดก็คือมีความยั่งยืน รูปแบบนี้หากรัฐบาลใช้เป็นนโยบายในการสนับสนุนให้ภาครัฐ องค์กรบริหารส่วนท้องถิ่น ภาคธุรกิจเอกชนที่จะทำ CSR และภาคประชาสังคมให้ร่วมกันขับเคลื่อนทั่วกันทั้งประเทศ คนไทยส่วนใหญ่จะมีอาชีพและมีงานทำตลอดปี พืชผลทางการเกษตรจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นมหาศาล อันเป็นการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำในระดับรากฐานของประเทศ รวมทั้งทำให้ GDP เพิ่มมากขึ้น และระบบเศรษฐกิจและสังคมของไทยจะมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้นกว่าในอดีตมาก

จากปรากฏการณ์ที่ เราได้เห็นที่จังหวัดลำปางเป็นการสะท้อนให้เห็น ภาพของความขาดแคลนเงินทุนที่จะลงไป สนับสนุนการสร้างฝายแกนดินซีเมนต์ ให้แก่เกษตรกร และการสร้างต้นแบบของบ่อบาดาลน้ำตื้นโดยใช้โซล่าเซลล์

ในนามของประธานคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา ผมใคร่ขอความร่วมมือจากบริษัทต่างๆในตลาดหลักทรัพย์ให้ช่วยกันรับผิดชอบและให้การสนับสนุนการสร้างฝายแกน ดินซีเมนต์ให้แก่พี่น้องเกษตรกรไม่เพียงแต่ในจังหวัดลำปางเท่านั้น แต่ขอให้ช่วยในจังหวัดหรือภูมิภาคใดก็ตามที่อยู่ในวิสัยที่ท่านสามารถจะทำได้ในรูปของการทำ CSR ของบริษัทท่านด้วย

ท่านสามารถขอรับเป็นผู้อุปถัมภ์ให้แก่ชุมชนต่างๆทั่วประเทศในการทำฝายแกนดินซิเมนต์และการขุดบ่อบาดาลน้ำตื้นโดยใช้โซล่าเซลล์ได้ที่

นายภัทรพล ณ หนองคาย
โทร 087-8577999 หรือ

นายสุภัทรดิศ ราชธา
โทร 081-2600794 และที่

นายสังศิต พิริยะรังสรรค์
โทร 08145 36888